Category Archives: อินเตอร์เน็ต

บทบาทของคอมพิวเตอร์ในการใช้ชีวิตการทำงานถ่ายรูปในปัจจุบัน

5

คอมพิวเตอร์เริ่มมีบทบาทในการใช้ชีวิตการทำงานและเป็นช่วงที่กล้องดิจิทัลถือกำเนิดขึ้นมา แต่ในสมัยนั้นกล้องดิจิทัลมีราคาที่แพงมากและค่าความละเอียดของภาพต่ำช่างภาพในยุคนั้นจึงไม่ยอมรับทำให้มีผู้ใช้จำนวนจำกัดอยู่แต่ในวงแคบๆ ต่อมาเมื่อเทคโนโลยีของกล้องดิจิทัลได้มีการพัฒนาขึ้นและราคาถูกลงมากกล้องฟิล์มจึงได้รับความนิยมน้อยลงแต่ก็ยังมีใช้อยู่ในปัจจุบัน ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้การศึกษาทางด้านถ่ายภาพในปัจจุบันสมารถเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น ทำไมนักออกแบบที่ดีถึงต้องเรียนถ่ายภาพ เนื่องจากการถ่ายภาพเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยการสื่อสารเล่าเรื่องราว อารมณ์และความรู้สึกด้วยภาพ ผ่านทางกล้องถ่ายรูปในมุมภาพที่แตกต่างกัน รวมถึง แสง เงา และความเข้าใจเรื่องการจัดแสงในสตูดิโอที่มีลักษณะเฉพาะ

สำหรับการทำงานด้านการผลิตแอนิเมชันแล้วความสามารถในการอธิบายภาพที่จะนำเสนอในแอนิเมชันและถ่ายทอดความรู้สึกของอารมณ์นั้นๆผ่านการเล่าเรื่องด้วยมุมกล้อง สี แสง และเงา ซึ่งใช้หลักการเดียวกันกับการเรียนถ่ายภาพ ก็เป็นทักษะส่วนหนึ่งที่สำคัญของการทำงาน นอกจากนี้ซอฟท์แวร์ที่ใช้ในการทำงานด้านแอนิเมชัน 3 มิติในปัจจุบัน เช่น  Autodesk Maya, Autodesk 3ds Max,  LightWave 3D ก็จะมีการใช้กล้องและการจัดแสงแบบ 3 มิติที่มีพื้นฐานเดียวกันกับการถ่ายภาพด้วยกล้องจริงที่ต้องนำความรู้ด้านการถ่ายภาพไปประยุกต์ใช้

ส่วนงานทางด้านการผลิตสื่อปฏิสัมพันธ์ ก็เช่นเดียวกับที่นักออกแบบหลายๆคนคงสงสัยว่าการถ่ายภาพมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับสายงานนี้ คำตอบคืองานออกแบบทางด้านกราฟิกรวมทั้งการออกแบบเว็บไซต์และสื่อปฏิสัมพันธ์ ต้องใช้ความรู้ด้านจัดองค์ประกอบภาพมาใช้ในการทำงานออกแบบจัดวางรูปภาพหรือกราฟิกต่างๆเข้าด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการมีพื้นฐานการถ่ายภาพที่ดีย่อมทำให้มีมุมมองในการจัดวางภาพที่สวยงามน่าสนใจ ดังนั้นนักออกแบบกราฟิกที่ดีจึงควรรู้หลักพื้นฐานในการถ่ายภาพเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการประกอบวิชาชีพ

การถ่ายภาพสินค้าให้ดูน่าสนใจ

วิธีการถ่ายรูปให้ดูสวยนั้นต่างจากการถ่ายเพื่อหลอกลวง เพราะเราแค่พยายามจัดองค์ประกอบภาพให้ดูดี มีสไตล์ ดูโดดเด่นกว่าคู่แข่งรายอื่น เพราะการมองเห็นถือเป็นการรับรู้ที่ดีเยี่ยมของมนุษย์เลยก็ว่าได้ เพราะการถ่ายภาพสินค้านั้นมีความสำคัญมาก เพราะว่าภาพถ่ายสินค้าที่ออกมานั้น มีผลต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของลูกค้าหรือผู้พบเห็นมาก เช่น สีสันของภาพ ความละเอียด มุมมอง จะช่วยสื่ออารมณ์ของผู้พบเห็นได้อย่างมาก ดังนั้นภาพที่เราใช้สื่อควรออกมาดูดี มีคุณภาพและสื่อถึงอารมณ์ให้มากที่สุด เพื่อให้ผู้ที่พบเห็นแล้วเกิดความสนใจ และตัดสินใจได้ทันที เพราะมีรายละเอียดครบถ้วน ที่อธิบายไว้บนภาพถ่ายของเราไว้แล้ว

เนื่องจากปัญหาของภาพสินค้าส่วนใหญ่คือภาพมักจะออกมามืด ไม่สว่างสดใสอย่างที่ควรจะเป็น วิธีแก้ไขที่ทำได้ง่ายที่สุดก็คือ การออกไปถ่ายภาพนอกอาคารโดยใช้แสงธรรมชาติ เวลาที่ดีที่สุดจะเป็นช่วงประมาณ 4-5 โมงเย็น เพราะแสงไม่แรงจนเกินไปและมีปริมาณแสงที่เพียงพอต่อการถ่ายภาพ เราไม่จำเป็นต้องเปิดแฟลช ใช้ขาตั้งหรือจัดแสงใดๆ ภาพสินค้าก็จะออกมาชัดเจน สว่าง และมีสีที่ตรงกับสินค้าจริง ซึ่งถ้าภาพออกมาสวยตั้งแต่หลังกล้องแล้ว ก็แทบไม่จำเป็นจะต้องแต่งภาพแต่ถ้าใครไม่สะดวกที่จะออกไปถ่ายภาพด้านนอก หรือว่าบริเวณบ้านไม่มีพื้นที่เพียงพอ การถ่ายภาพสินค้าในอาคารก็สามารถทำได้เช่นกัน ควรเลือกถ่ายบริเวณใกล้หน้าต่างเพื่อให้รับแสงได้มากที่สุด

ข้อผิดพลาดอย่างหนึ่งในการถ่ายภาพสินค้าที่มักพบเห็นตามเว็บไซต์ต่างๆก็คือ การใช้ฉากหลังที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นหากคิดจะถ่ายสินค้าให้ดูดีแล้ว ควรเลือกฉากหลังให้ดี ฉากหลังที่ดีควรเป็นสีเรียบๆ ไม่ควรมีสีฉูดฉาดหรือสะท้อนแสงมาก ง่ายๆ เลยก็คือ หากระดาษสีขาวหรือสีดำ แผ่นใหญ่ๆ หน่อย สีละสองแผ่น แผ่นหนึ่งใช้รองพื้น ส่วนอีกแผ่นใช้เป็นฉากหลัง หรือหากอยากได้พื้นที่สะท้อนตัวสินค้า สำหรับการปรับแต่งไฟล์ให้เหมาะสม เมื่อได้ภาพมาแล้ว ให้ตรวจสอบว่ามีรอยฝุ่นผงใดๆ ที่อาจติดมาจากเลนส์หรือเซนเซอร์ ให้ทำการลบออกให้เรียบร้อย อาจทำการปรับแต่งสีสันเพิ่มเติมได้ จากนั้นทำการย่อขนาดของภาพให้เหมาะสม สุดท้ายให้ทำการเพิ่มความคมชัดเนื่องจากเวลาเราย่อขนาด ภาพจะสูญเสียความคมไป ก่อนจะเซฟก็ควรเลือกการบีบอัดให้ดีๆ เลือกระดับการบีบอัดที่พอดีๆ อย่าให้ภาพเละมากเกินไป

ขอบเขตในการถ่ายภาพที่นำมาเรียบเรียงในเอกสารฉบับนี้ไม่ได้จำกัดแต่งานทางการถ่ายภาพ

31

ขอบเขตในการถ่ายภาพที่นำมาเรียบเรียงในเอกสารฉบับนี้ไม่ได้จำกัดแต่งานทางการถ่ายภาพ ในงานส่งเสริม การเกษตรเท่านั้น แต่ควรจะศึกษาการถ่ายภาพในทุกรูปแบบ แล้วนำไปปรับใช้ให้ถูกกับลักษณะงานของแต่ละบุคคลดังนั้น ควรที่จะศึกษาถึงพื้นฐานที่มาของการกำเนิดกล้องจนถึงปัจจุบัน และเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในแต่ละหัวข้อเรื่องนั้นก็ยังสามารถแตกแขนงย่อยได้อีกมากมาย ซึ่งหาอ่านและศึกษาได้จากเอกสารและตำราอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทางด้านการถ่ายภาพ

ในสมัยโบราณมนุษย์ได้พยายามจะบันทึกสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ตัว ไว้ด้วยการวาดภาพและแกะสลัก บนฝาผนัง และได้มีการพัฒนาเรื่อยมาจนถึงวาดภาพรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตโดยมีจินตนาการเป็นผู้วาดต่อมาในศตวรรษที่ 16 จิตรกรได้ใช้เครื่องมือช่วยในการวาดภาพ เครื่องมือชนิดหนึ่งเรียกว่า คามิรา ออบสคูราเป็นที่รู้จักกันดี เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ถึงวิธีการทำภาพถ่าย สมัยแรกของโลกคามิรา ออบสคูรา กำเนิดจากปรากฎการณ์ธรรมชาติที่มองเห็นลำแสงส่องผ่านรูเล็ก ๆ ของฝาผนังห้องหนึ่งไป ปรากฎเป็นภาพบนฝาผนังด้านตรงข้าม ซึ่งอริสโตเติล นักวิทยาศาสตร์ชาวกรีกได้จดบันทึก ไว้เป็นครั้งแรกเมื่อ 400 ปีก่อนคริสต์ศักราชว่า ถ้าเราทำห้องให้มืด ๆ แล้วปล่อยให้แสงผ่านเข้าไปทางรูเข็มเล็ก ๆ แล้วถือกระดาษขาว ให้ห่างจากรูเข็มประมาณ 6 นิ้ว แสงที่ผ่านเข้ามาจากภายนอกจะปรากฏเป็นภาพบนกระดาษมีลักษณะหัวกลับ แต่ไม่ค่อยชัดเจน ปรากฏการณ์ดังกล่าวจึงเป็นจะเริ่มต้นของการประดิษฐ์กล้องรูเข็ม และได้มีการพัฒนาเรื่อยมา จะสังเกตได้ว่าการพัฒนากล้องถ่ายภาพในระยะแรกนั้นยังต้องอาศัยจิตรกรวาดภาพด้วย การลอกไปตามแบบที่ปรากฎ เป็นเงา

ในระยะเวลาต่อมาประมาณ 50 ปี นับจากการกำเนิดกล้องออบสคูรา ได้มีการคิดค้นเลนส์และไดอะแฟรม เกิดขึ้น เพื่อให้ความสว่างมากขึ้น โดยนำมาติดที่กล้อง ยังช่วยให้ภาพคมชัดขึ้นด้วย นับจากต้นคริสต์ที่ 18 เป็นต้นมานักวิทยาศาสตร์และจิตรกรได้พยายามคิดค้นหาวิธีการทำให้กล้องออบสคูรา ดังกล่าวรับภาพบนจอและกลายเป็นภาพขึ้นซึ่งเป็นที่มาของการถ่ายภาพต่อมาได้มีการคิดค้นวัสดุไวแสงกับการคงสถานภาพเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2270 โดยการใช้สารเคมี ประเภทเกลือเงินฉาบบนวัสดุรองรับ จนถึง พ.ศ. 2380 หลุย จาคเคอร์ เมนเดคาร์แกร์ ประสบผลสำเร็จในการทำภาพให้ติดถาวร ด้วยสารละลายเกลือธรรมดา เมื่อนำไปใช้ถ่ายภาพจะ ได้ภาพโพสิตีฟ เรียกว่ากระบวนการคาร์แกร์โรไทฟ์ ซึ่งต่อมาได้รับการพัฒนาและเผยแพร่เป็นที่นิยมไปทั่ว และคาร์แกร์นี้เองที่ได้รับยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งวิชาการถ่ายภาพสมัยใหม่

การถ่ายภาพแบบฮิปสเตอร์กำลังอินเทรนด์หลายคนถ่ายแล้วโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย

Trendy young people on Bedford Avenue in Brooklyn, New York City, America, USA

การถ่ายภาพแบบฮิปสเตอร์ กำลังอินเทรนด์ หลายคนถ่าย แล้วโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย โชว์สไตล์ของตัวเอง แต่หากใครสนใจอีกสไตล์หนึ่ง ลองไปดูภาพถ่ายของสาวญี่ปุ่นคนนี้ แต่ละภาพไม่ธรรมดา เพราะเหมือนลอยตัวอยู่กลางอากาศนี่เป็นสไตล์การถ่ายภาพ ที่หลายคน อาจจะเคยเห็นมาบ้างแล้ว แต่ นัทสึมิ ฮายาชิ สาวญี่ปุ่นคนนี้ จริงจังกับการถ่ายภาพสไตล์นี้มาก เธอได้รับการรู้จักในนาม Tokyo’s Levitating Girl ทุกภาพ ตัวเธอ จะลอยอยู่กลางอากาศ โดยไม่ได้อาศัยโปรแกรม หรือแอพพลิเคชันใดๆ ภาพถ่ายของเธอ เต็มไปด้วยจินตนาการสไตล์ญี่ปุ่น ตั้งแต่ การดูดฝุ่นแบบลอยตัว ยืนโทรศัพท์สาธารณะแบบลอยตัว หรือแม้แต่การนั่งรถไฟฟ้า แบบลอยตัว

เธอเล่าว่า การถ่ายภาพแต่ละครั้ง เธอถ่ายด้วยตัวเอง บางครั้งก็ให้เพื่อนช่วยบ้าง มีขาตั้งกล้อง พร้อมกล้อง จากนั้นตั้งเวลาถ่าย 10 วินาที เพื่อกระโดด บางรูป เธอต้องกระโดดถึง 200 ครั้ง เพราะหามุมกล้อง และจัดองค์ประกอบของร่างกายให้ถูกใจ สถานที่ ที่เธอถ่ายส่วนใหญ่ คือ โตเกียว ตามถนน สถานีรถไฟ ร้านหนังสือ ร้านอาหารต่างๆ โดยต้องพยายามหาจังหวะที่ไม่มีคน หรือไม่มีใครสนใจ

หลายๆ คนอาจจะเห็นกระแสฮิปสเตอร์มาแรงในยุคนี้ แน่นอนว่าเทรนด์ฮิปสเตอร์มักจะใช้แอพฟิลเตอร์ภาพแบบ VSCO Cam นั่นเอง แต่ถ้าฮิปฯ ไปกว่านั้น ไม่อยากถูกกำหนดว่าชีวิตของเราจะมีฟิลเตอร์ได้แค่เท่าที่มีคนสร้างมาให้ ฉันจะกำหนดเอง! จะผสมเอง และเลือกผลลัพธ์เอง งานนี้ต้องลองแอพ Shift แล้ว สำหรับแอพ Shift นั้นแม้จะมีลูกเล่นอยู่เท่านี้ (เลือกตำแหน่ง, ปรับขนาดของตัวเลือก, สี) แต่ก็ได้รับความสนใจจากชาวฮิปฯ เมืองนอกพอสมควร อาจจะเป็นเพราะความง่ายของมัน แต่มีประสิทธิภาพสูงนั่นเอง ถ้าใครจะลองเอาไปใช้ร่วมกับ VSCO Cam หรือแอพอื่นๆ ก็ลองดูเลยนะ ถ้าได้ภาพสวยๆ ยังไง เอามาแปะอวดกันด้วยล่ะ ส่วนข้าพเจ้าไร้ลีลาด้านศิลป์ โปรดอภัยหากรีวิวแล้วภาพไม่ได้แสดงศักยภาพของแอพออกมาอย่างถึงกึ๋นขอร้าบ

การสร้างสรรค์งานศิลปะ 3 มิติ

หากศิลปินที่มีเทคนิคการเพนท์ด้วยสีน้ำมัน ด้วยฝีแปรงที่เป็นแบบเฉพาะของตนเอง มีความฉับไว บ่งบอกถึงความมั่นใจในการตัดสินใจในการลงแปรง ในแต่ละครั้ง คอมพิวเตอร์ก็สามารถทำได้ หรือศิลปินที่ใช้สีน้ำในการวาดภาพท้องทะเล ที่มีความอ่อนนุ่มของสี ในการประสาน ซืมผ่าน ระหว่างสีซึ่งกันและกัน เจ้าคอมพิวเตอร์ก็สามารถทำงานได้เช่นเดียวกัน หรือศิลปินที่ชอบการวาดภาพด้วยเกรยองค์ แสดงออกถึงความมั่นใจในการลงแสง เงา เจ้าคอมพิวเตอร์ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

หรือภาพอาคาร เมือง หรือบรรยากาศในแต่ละที่ ที่ศิลปินได้ถ่ายทอดออกมาให้ผู้ชมๆ ด้วยความรู้สึกที่อยากจะเข้าไปในภาพ ประดุจกับความฝัน เจ้าคอมพิวเตอร์ก็สามารถสร้างภาพที่มีมิติ มีการเคลื่อนไหว ดึงสายตาของผู้ชมให้ตามเข้าไปสู่ความลึกของภาพ ลัดเลาะไปตามซอกมุมต่างๆ เกิดอารมณ์ที่เร้าใจ ตื่นตาตื่นใจ นั่นคือการสร้างสรรค์ผลงาน 3d หรือ 3 Dimension

ผลงานที่เกิดจากการสร้างสรรค์งานศิลปะ 3 มิติได้ส่งผลอันเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์หลากหลายด้าน กล่าวคือ 3D สามารถสร้างภาพจำลองเสมือนจริงที่สามารถนำมาประเมิน วิเคราะห์ หาปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต เช่น การจำลองอวัยวะภาพในของมนุษย์ การจำลองงานสถาปัตยกรรม การจำลองการออกแบบผลิตภัณฑ์ ยานยนต์ เป็นต้น และมีประโยชน์ในเชิงอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบได้จากการทำงาน ในจอคอมพิวเตอร์ โดยใช้เครื่องยิงเลเซอร์บนผิวเรซินให้แข็งตัว จนก่อนรูปขึ้นตามแบบ หรือ การสร้างผลงาน 3D ในการทำภาพยนตร์การ์ตูน ที่ถ่ายทอดจินตนาการอย่างไร้ขีดจำกัด ให้ความบันเทิงแก่ผู้ชม อันส่งผลต่อทัศนคติ ความรู้สึก ต่อมนุษย์ และอาจจะสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้คล้อยตามได้ ผู้สร้างสรรค์ผลงาน 3D Computer Graphic ควรจะมีทักษะในด้านใด?

ผู้สร้างสรรค์งาน 3D ควรจะมีพื้นฐานทางศิลปะแบบเดิมอยู่บ้าง เนื่องจากมีควมจำเป็นในการนำเอาความรู้พื้นฐานศิลปะมาใช้ ในเรื่องของความเข้าใจเรื่องสี องค์ประกอบศิลปะ เป็นต้น อาจจะจำแนกได้ดังนี้

1. พื้นฐานทางด้านวาดเส้น และ การร่างภาพ เทคนิค การวาดเส้น หรือการร่างภาพ มีส่วนในการทำงานในด้านการถ่ายทอดความคิด ให้ออกมาเป็นรูปธรรม ในเรื่องการวาดให้เห็นทัศนียภาพ แสงเงา สัดส่วนของรูป คน สัตว์ สิ่งของ หากผู้สร้างสรรค์มีพื้นฐานทางด้านศิลปะมามากพอ จะช่วยให้ผลงานมีคุณภาพมากขึ้น

2. การระบายสี การ ระบายสีมีความสำคัญในด้านการใช้สีที่ถูกต้อง สวยงาม ให้ให้แสงในภาพ การคำนึงถึงรูปร่าง รูปทรง การทำพื้นผิวให้มีความเหมือนจริง องค์ประกอบของภาพ

3. มุมมองการถ่ายภาพแบบภาพยนตร์ ความ รู้ทางด้านการถ่ายภาพจะช่วยให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานได้นำเสนอมุมมองของภาพที่ น่าสนใจ การควบคุมแสง เงา สี และการจัดองค์ประกอบของภาพ

4. การถ่ายภาพนิ่ง ความรู้เรื่องการถ่ายภาพนิ่งช่วยให้ผู้สร้างสรรค์มีความเข้าใจเรื่องของ การสร้างภาพให้มีความชัดชึก ชัดตื้น แสง เงา การจัดองค์ประกอบภาพ การสร้างภาพเทคนิคพิเศษ

5. ประติมากรรม ความ รู้เรื่องประติมากรรมจะมีส่วนช่วยอย่างมากในเรื่องของมิติ หมายถึงก่อนการขึ้นรูปทรง 3 มิติในคอมพิวเตอร์หากผู้สร้างสรรค์งานได้ฝึกปั้นหุ่น หรือมีความสามารถทางด้านนี้ จะรู้ลักษณะทางกายภาพของหุ่น ตื้น ลึก หนา บาง ได้อย่างถ่องแท้ ลดเวลาในการสร้างภาพ 3 มิติในคอมพิวเตอร์ได้มาก

6. สถาปัตยกรรม สามารถ นำความรู้มาใช้ส่วนของการวางหุ่นในด้าน Plan, Front, Side, Perspective เช่น หากต้องการสร้างภาพของร้านกาแฟที่มีเคาท์เตอร์ โต็ะ เก้าอี้ โซฟา ดังนั้นผู้สร้างสรรค์ควรจะวางตำแหน่งของวัตถุต่างๆให้มีความเหมาะสม และสมจริง