Category Archives: อินเตอร์เน็ต

เทคนิคการเลือกช่างภาพถ่ายรูปงานแต่งงานอันน่าจดจำ แม้เวลาจะผ่านไปก็ตาม


ภาพงานแต่งเป็นภาพความทรงจำที่สวยงามและน่าจดจำ แม้เวลาจะผ่านไปก็ตามคุณยังสามารถนำไปโชว์ให้ลูกๆหลานๆ ได้ชื่นชมได้อีกในอนาคต การเลือกช่างภาพที่จะมาถ่ายรูปให้ในวันพิเศษสุดของคุณก็เป็นสิ่งที่สำคัญและต้องใช้เวลาขอแนะนำวิธีที่จะช่วยคุณในการตัดสินใจเลือกช่างภาพงานแต่งที่ดีที่สุดสำหรับวันสำคัญของคุณ

ประสบการณ์ช่างภาพ : ตรวจสอบก่อนว่าช่างภาพมีประสบการณ์ในการถ่ายภาพงานแต่งงานมานานแค่ไหนแล้วเพราะการถ่ายภาพงานแต่งก็จะแตกต่างจากการถ่ายภาพประเภทอื่น ช่างภาพบางท่านมีประสบการณ์ในการถ่ายภาพมานาน เช่น 10 ปี 15 ปี แต่เพิ่งจะมาถ่ายภาพงานแต่งงานเมื่อปี สองปีหลังนี่เอง เพราะฉะนั้นขอให้ตรวจสอบให้ดีก่อนตัดสินใจ

ผลงานภาพถ่าย : เป็นใจหลักสำคัญเลยในการตัดสินใจที่จะเลือกช่างภาพงานแต่งงานของคุณ วิธีง่ายๆ ก็คือขอดู album ภาพงานแต่งที่ช่างภาพคนนั้นๆ ได้บันทึกเอาไว้ โดย siamviva.com ก็ขอแนะวิธีการดูผลงานการถ่ายภาพคร่าวๆไว้ดังนี้ค่ะ

– เป็น album ภาพที่บอกเรื่องราวของงานแต่งงานได้ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบหรือไม่
– ช่างภาพได้ให้คุณดู album งานแต่งงาน เพียงงานเดียวของบ่าวสาวเพียงคู่เดียวที่ได้รับการคัดเลือกมา หรือให้ดูหลายคู่หลายๆ album
– ภาพถ่าย มีหลายๆแบบหลากหลาย style หรือไม่ เช่น มีทั้ง close up หน้า, candid, เต็มตัว หรือเน้นเป็นแบบ style ใด style หนึ่ง
– การจัดวางของภาพ หรือจัดวางตำแหน่งภาพดูแล้วสมดุลเป็นมืออาชีพหรือไม่ เช่นถ้าเป็นการถ่ายภาพหมู่เต็มตัว ไม่มีใครในภาพเห็นหน้าแค่ครึ่งเดียว
– มีการถ่ายรายละเอียดของบรรยากาศงานแต่งใน album ภาพหรือไม่ เช่น detail ชุดเจ้าสาว ชุดเจ้าบ่าว ภาพเค๊กแต่งงาน ภาพดอกไม้ ภาพแสดงสีหน้าหรือความรู้สึกแขกที่มางาน คุณพ่อคุณแม่เจ้าบ่าวเจ้าสาว
– นอกจากภาพคู่บ่าวสาวแล้ว ควรพิจารณาภาพแขกที่มาในงาน รวมถึงเพื่อนๆ ญาติๆ ว่าออกมาดูดี มีสีหน้าแสดงความสุข สดชื่น ผ่อนคลายหรือไม่

รูปแบบของภาพ : ศึกษาจากลักษณะและรูปแบบภาพถ่ายของช่างภาพคนนั้นว่าโดนใจคุณหรือไม่ เป็นแบบที่คุณชอบหรืออยากได้? เพราะช่างภาพแต่ละท่านก็จะถนัดหรือมี Style การถ่ายภาพที่แตกต่างกัน ดังนั้นคุณควรจะหาช่างภาพที่มีความถนัดในด้านการถ่ายภาพใน style ที่คุณชอบ เช่น ภาพ candid, ภาพเป็นทางการ, ภาพแนว journalist, ภาพสี, ภาพขาว-ดำ หรือ ภาพ sepia

ชื่อเสียงช่างภาพ : ช่างภาพที่มีชื่อเสียง ก็มักจะเป็นที่รู้จักของคนหลายๆ คน คุณก็สามารถหาข้อมูลและคำแนะนำได้จากญาติๆ หรือเพื่อนๆของคุณที่มีประสบการณ์มาก่อน เช่น สอบถามเรื่องการบริการ ขอดูตัวอย่าง album งานแต่งงาน หรือคุณอาจจะสอบถามคำแนะนำจากผู้ที่มีคลุกคลีในวงการ wedding ซึ่งอาจจะเป็น wedding planner เจ้าหน้าที่หรือ sale โรงแรมที่คุณจัดงานแต่ง หรือ ช่างจัดดอกไม้งานแต่ง เป็นต้น

ได้ช่างภาพตามที่ตกลงไว้ : คุณต้องมั่นใจได้ว่าช่างภาพที่จะไปถ่ายภาพงานแต่งให้คุณ เป็นช่างภาพที่คุณได้ระบุชื่อไว้ คุณอาจจะให้ทางร้านเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรไปเลยว่าจะส่งช่างภาพที่คุณได้ระบุชื่อไว้ เนื่องจากบริษัทหรือ studio ถ่ายภาพมีช่างภาพหลายท่านพอถึงวันจริงหรือใกล้ๆวันแต่งงานเค้าก็อาจจะส่งคนอื่นมาแทนโดยอาจจะอ้างว่าช่างภาพที่คุณต้องการนั้นไม่ว่าง มาถึงตอนนี้คุณก็ต้องยอมรับไปปฏิเสธไม่ได้แล้วค่ะ เพราะฉะนั้นควรระวังไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับคุณ

บุคลิกและนิสัยช่างภาพ : นอกจากผลงานแล้ว ลักษณะนิสัยและบุคลิกของช่างภาพก็เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม ก่อนตัดสินใจเลือกช่างภาพเราขอแนะนำให้คุณหาโอกาสเข้าไปเจอตัวและพูดคุยกับช่างภาพก่อน แล้วดูซิว่าการพูดจา และบุคลิกของช่างภาพ เข้ากับคุณได้หรือไม่ เพราะการที่ได้ช่างภาพที่เข้ากับคุณได้ จะทำให้คุณรู้สึก relax สบายๆ คุยกันรู้เรื่อง และในวันแต่งงานคุณก็จะได้ภาพที่สวยๆค่ะ

การแต่งกายของช่างภาพ : คุณต้องตรวจสอบกับช่างภาพก่อนว่าวันที่จะไปถ่ายภาพให้คุณนั้นจะแต่งกายแบบไหน เพราะช่างภาพที่แต่งกายเรียบร้อยถูกกาละเทศะก็จะช่วยเสริมให้งานแต่งงานของคุณดูดีขึ้นค่ะ

ราคา ค่าใช้จ่าย : ราคาค่าใช้จ่ายของช่างภาพอยู่ในงบประมาณที่คุณตั้งไว้หรือไม่  ถ้าเกินกว่างบประมาณ ก็ต้องมาดูว่าฝีมือ ผลงานและการบริการนั้นคุ้มค่ากับเงินที่คุณต้องจ่ายไปหรือไม่ คุณสามารถต่อรองราคาได้หรือไม่ และที่สำคัญต้องเข้าใจตรงกันด้วยว่าราคานั้นรวมค่าใช้จ่ายหรืออุปกรณ์อะไรบ้าง เช่น ไฟหน้าซุ้ม ไฟสปอตท์ อัลบั้ม กรอบรูป ล้างรูป ฟิมพ์ ราคาที่ร้านเสนอมามีช่างภาพกี่ท่าน เพราะบางร้านก็จะบอกราคาไว้ถูกแต่ถ้าคุณจะเพิ่มนู่นเพิ่มนี่ก็คิดราคาเพิ่มจุกจิก เช่น เพิ่มไฟหน้าซุ้ม (ซึ่งมันจำเป็นต้องใช้แน่ๆ) ไฟสปอตไลท์ รวมเบ็ดเสร็จสับก็อาจแพงกว่าร้านที่บอกราคาไว้สูงกว่าแต่รวมอุปกรณ์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

อุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายภาพ : แม้ว่าคุณแจะไม่ใช่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพ แต่ควรก็จะศึกษาไว้บ้างว่า ชนิดของกล้อง รุ่นกล้อง รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆที่ช่างถ่ายภาพจะใช้ในงานแต่งงานของคุณด้วย ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ควรจะมีความทันสมัยพอสมควร มีเลนส์หลายๆชนิด มีซูม มี Flash ที่มีคุณภาพเพียงพอ ถ้าหากใช้กล้อง digital ก็ต้องเลือกที่กล้องที่ให้ความละเอียดสูงซัก 15 ล้านพิกเซลขึ้นไป ถ้าเป็นกล้องฟิล์ม ก็ต้องมั่นใจว่าช่างภาพใช้ฟิล์มที่มีคุณภาพ

วันส่งงาน : ถามช่างภาพให้ชัวว์ด้วยว่าจะส่งภาพถ่ายงานแต่งให้คุณได้เมื่อไหร่ ใช้เวลากี่วันหลังจากงานแต่ง ถ้าเป็นกล้อง digital คุณจะได้ดูภาพแบบ digital proof เมื่อไหร่ โดยปกติถ้าเป็นกล้อง digital วันรุ่งขึ้นหรือ 2-3 วันถัดจากวันงานก็น่าจะได้ดูแล้วค่ะ แต่ถ้าเป็น album ก็อาจจะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีก บางร้านก็รอเป็นเดือนกว่าจะได้ดู ทั้งนี้ก็ขึ้นกับจำนวนงานที่ทางร้านมีด้วยว่ามากหรือน้อยเพียงใด

ข้อตกลงในการชำระเงิน : ตรวจสอบจำนวนเงินที่ต้องจ่าย เช่นการมัดจำ ถ้าต้องมีการยกเลิก หรือถ้าช่างภาพไม่ได้ไปถ่ายภาพในวันที่กำหนดไว้ ทางร้านจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอย่างไร มันอาจจะดูเหมือนจะมีโอกาสน้อยที่จะเกิดขึ้น แต่ก็เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้ามนะคะ เพราะทุกอย่างอาจเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

ได้รับการแนะนำ : เป็นช่างภาพที่เพื่อนๆ ญาติๆ หรือคนที่รู้จักที่ได้ใช้บริการจริงแนะนำคุณมาว่าดี เพราะถ้าคุณไปเลือกช่างภาพที่ไม่เคยรู้จักหรือไม่มีที่ไหนแนะนำมาก่อน ก็อาจจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงมาอีกระดับหนึ่ง

มีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร : เมื่อทำการตกลงว่าจะให้ช่างภาพมาถ่ายภาพงานแต่งให้ ช่างภาพหรือร้านถ่ายภาพที่ดีก็ควรมีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ด้วย เช่น วันที่ต้องไปถ่ายภาพ ราคาทั้งหมด มัดจำไว้เท่าไหร่ ชื่อ ที่อยู่ และเบอร์ที่ติดต่อได้ ทั้งของลูกค้าและของร้านถ่ายภาพ

 

หลักการถ่ายภาพขั้นพื้นฐานเพื่อเป็นแนวทางเป็นอาชีพช่างภาพได้

ปัจจุบันนี้การถ่ายภาพเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันหลังจากที่มีการประดิษฐ์กล้องถ่ายภาพดิจิตอลขึ้นมา เราจะพบเห็นกล้องมากมายอยู่ใกล้ตัวของเราตั้งแต่กล้องคอมแพคที่เรียกกันว่ากล้องปัญญาอ่อนไปจนถึงกล้องราคาแพงระดับมืออาชีพ แม้แต่โทรศัพท์มือถือก็ยังมีการติดอุปกรณ์บันทึกภาพไว้ให้เราได้ใช้งานทุกที่ที่เรานำมันไป อีกทั้งมีซอฟแวร์ตัดต่อดัดแปลงภาพ ส่งต่อภาพให้เพื่อน ๆ ชมในเครือข่ายสังคมอินเตอร์เน็ต การบันทึกภาพทุกวันนี้จึงเป็นเรื่องง่ายและสะดวก

316846

หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีความประสงค์ที่จะพัฒนาการถ่ายภาพแทนการบันทึกภาพเพียงเพื่อเป็นที่ระลึก ท่านก็สามารถเรียนรู้ ฝึกฝนทดลองปฏิบัติ จนเป็นนักถ่ายภาพที่ดีได้โดยไม่จำเป็นต้องมีกล้องที่มีราคาแพงหรือต้องมีอุปกรณ์ช่วยมากมาย เมื่อท่านมีความชำนาญท่านก็จะสามารถเก็บบันทึกภาพเด็ด ๆ ได้ไม่แพ้ช่างภาพมืออาชีพ วิธีหนึ่งที่ท่านสามารถเริ่มต้นได้เลยคือ ให้ใช้เวลาสักเล็กน้อยเรียนรู้หลักการพื้นฐานของการถ่ายภาพ สังเกตุภาพถ่ายที่ดี ๆ ของผู้อื่น หมั่นฝึกฝนลงมือถ่ยภาพเมื่อมีโอกาส แล้วนำผลงานมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป และเมื่อได้ปฏิบัติไปสักระยะ หากพบว่าการถ่ายภาพเป็นสิ่งที่ท่านชอบ ท่านก็สามารถทำเป็นงานอดิเรก สะสมเครื่องไม้เครื่องมือเพิ่มเติมตามกำลังที่มี และไม่แน่ว่าวันหนึ่งข้างหน้า ท่านอาจจะเป็นหนึ่งในบรรดาช่างภาพระดับมืออาชีพก็ได้

เทคนิควิธีการซึ่งจะได้กล่าวถึงต่อไปนี้

การถ่ายภาพย้อนแสงโดยใช้แฟลช : เป็นวิธีง่ายและได้ผลที่น่าพอใจ นิยมใช้ในกรณีที่ฉากหลังมีความสว่างมากๆ จะได้ภาพที่ถ่ายออกมามืดส่วนฉากหลังสว่างดังนั้นเมื่อคุณถ่ายภาพที่มีลักษณะย้อนแสงให้คุณเปิดฟังก์ชันการใช้แฟลชขึ้นมาเนื่อง- จากกล้องดิจิตอลส่วนใหญ่จะวัดแสงปกติเมื่อสภาพแสงมีความสว่างพอดีแฟลชจึงไม่ทำงาน ดังนั้นถ้าคุณใช้กล้องในโหมด Auto ทั้งหมดจะไม่สามารถใช้แฟลชได้ คุณจะต้องปรับเข้าสู่โหมด Programmable (P Mode) เป็นโหมดที่อนุญาตให้คุณเปิดแฟลชเองได้แล้วจึงทำการถ่ายภาพ แต่ก็มีกล้องบางรุ่นที่มีฟังก์ชันการถ่ายภาพ ย้อนแสงด้วยแฟลชที่เรียกว่า Fill in flash ซึ่งช่วยในการถ่ายภาพย้อนแสงได้ง่ายยิ่งขึ้น

การถ่ายภาพบุคคล : จะว่าไปแล้วแทบทุกคนที่ซื้อกล้องต้องเคยถ่ายรูปคนมาแล้วแน่ ๆ เพราะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวและยังเป็นกิจกรรมกลุ่มที่สนุก
สนานทั้งผู้ถ่ายและผู้ถูกถ่าย แต่ว่าตอนถ่ายอาจจะสนุกดีอยู่หรอก พอหลังจากถ่ายเสร็จแล้วกลับมาดูรูป ถ้าคุณถ่ายนางแบบแสนสวยแต่ในภาพกลับดำบ้างขาวบ้างก็คงไม่สนุกแน่ ดังนั้นถ้าคุณมีเทคนิคการถ่ายภาพคนสวย ๆ ไว้บ้างก็จะช่วยได้มากทีเดียว

การถ่ายภาพบุคคล จุดประสงค์หลักๆ ก็คือต้องการถ่ายทอดอารมณ์และกิริยาท่าทางของคนๆ นั้น ดังนั้นจึงต้องถ่ายให้คนเด่นๆ เข้าไว้ก่อนการถ่ายภาพบุคคลนิยมใช้เทคนิคที่เรียกว่าชัดตื้นหมายถึง ภาพมีฉากหลังเบลอและตัวแบบชัดซึ่งเทคนิคนี้เวลาถ่ายภาพจะใช้รูรับแสงที่กว้างที่สุดเท่าที่เลนส์จะทำได้ประมาณ F 2.4 แล้วพยายามปรับทางยาวโฟกัสให้มากๆ โดยซูมเลนส์ไปที่ 2-3 เท่าของเลนส์ ประมาณ 80-120 มม. (เทียบเท่าเลนส์กล้องฟิล์ม 35 มม.) จะทำให้ได้ภาพที่ตัวแบบดูเด่นออกมาจากฉากหลัง ซึ่งโหมดการถ่ายภาพที่นิยมใช้กล้องดิจิตอลถ้าเป็นโหมดอัตโนมัติก็จะเป็นโหมดภาพถ่ายบุคคลถ้าเป็นโหมดกึ่งอัตโนมัติที่มืออาชีพชอบใช้ก็จะเป็นโหมดควบคุมรูรับแสง

ถ่ายภาพวิวทิวทัศน์: เมื่อคุณไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ทุกคนมักจะนิยมถ่ายภาพสถานที่ต่างๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึก การถ่ายภาพวิวทิวทัศน์
จะเน้นความคมชัดของวิวทิวทัศน์ทั่วทั้งภาพ จึงนิยมการถ่ายภาพโดยใช้เทคนิคชัดลึกเพื่อให้มีความชัดทั่วทั้งภาพไม่ว่าวัตถุในภาพจะอยู่ใกล้หรือไกล โดยโหมดที่นิยมใช้ในการถ่ายภาพวิวทิว- ทัศน์ ได้แก่ โหมดควบคุมรูรับแสงหรือ A Modeเพื่อควบคุมความชัดลึก สำหรับกล้องดิจิตอลการถ่ายให้มีความชัดทั่วทั้งภาพนั้นง่ายมาก เพียงแค่ปรับรูรับแสงแคบลงประ- มาณ F 7.0 ขึ้นไป(ยิ่งตัวเลขมากยิ่งรูรับแสงแคบ) ภาพก็มีความคมชัดทั่วทั้งภาพแล้ว แต่คุณควรระวังความ เร็วชัดเตอร์ที่อาจต่ำเกินไปจนไม่สามารถถือกล้องถ่ายได้ เพราะว่ายิ่งรูรับแสงแคบมากเท่าใด ความเร็วซัดเตอร์ก็จะต่ำลงมากเท่านั้น ทางที่ดีควรมีขาตั้งกล้องเพื่อช่วยในการถ่ายภาพได้หลายแบบมากขึ้น